ึ
แค่ให้รอก็มากพอแล้ว
ลูกๆนั้นพอเริ่มพูดจารู้เรื่อง ก็จะหมั่นซักถามพ่อแม่แล้วว่า ทำงานที่ไหน ทำงานอะไร เลิกงานกี่โมง ?? และเด็กในยุคของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน. สามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่ได้แล้ว ซึ่งโดยมากคำพูดตามสายโทรศัพท์ ก็จะรัก คิดถึง คุณพ่อคุณแม่กลับมาไวๆ ซื้อขนมมาฝากด้วย จะกลับมาเมื่อไร กลับมาเร็วๆนะ ก็จะประมาณนี้สำหรับบทสนทนา
แต่ความน่าสนใจอยู่ที่พ่อแม่ นี่เอง ที่บางครั้งเราลืมที่จะสนใจในรายละเอียด ในขณะที่ลูกยึดมั่น เชื่อมั่นและเฝ้ารอ
คำเตือน ถ้ายังไม่รู้เวลาที่แน่นอน อย่าระบุเวลากับลูก หรือหากระบุแล้วมีการเปลี่ยนแปลง ต้องแจ้งให้ลูกทราบด้วย เพราะมีผลต่อความน่าเชื่อถือในตัวคุณที่มีผลต่อลูก เมื่อได้ให้สัญญาใดๆไว้กับลูก เช่นจะซื้ออะไรกลับมาด้วย เราก็ควรจดจำให้ได้และทำตามที่ตกลงหรือสัญญากับลูกไว้ เพราะบางครั้งเด็กมีเป้าหมายในการรอคอยคุณเพิ่มขึ้นและมีความคาดหวัง
สำคัญมากค่ะ คำสัญญา แม้กับเด็กเราก็ต้องรักษามันให้ได้ แค่ลูกเฝ้ารอก็พอแล้ว อย่าให้ลูกพูดว่าเรา ขี้โกหก มันปวดใจ และนั่นหมายถึงมันจะบั่นทอยงนความเชื่อมั่นไปโดยไม่สมควร
เรื่องเล่าเมื่อเรายังเล็ก
ลูกๆชอบฟัง เรื่องของพ่อแม่ตอนเด็กๆ พอเราได้เล่า ภาพเราตอนนั้นมันจะกลับมาชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และถ้าทบทวนกันดีๆแล้ว เราจะทราบว่า ตัวเรามักมีประสบการณ์ความประทับใจร่วมกับพ่อหรือแม่มากกว่ากัน เคยไปไหนกับพ่อแม่ เคยมีวีรกรรมอะไรที่ต้องจดจำไม่รู้ลืม
ย้อนกลับมา วันนี้ เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาของเหตุการณ์สำคัญๆของลูกผ่านไปโดยไม่มีเรา อยากให้ลูกมีเรื่องเล่าที่มีเราอยู่ในนั้น พ่อแม่ต้องแข่งขันกันที่จะเก็บเกี่ยว ไม่ใช่เกี่ยงกันว่า คุณสิ ชั้นไม่ว่าง
ณ จุดนี้ โอกาสยังเป็นของคุณนะ เวลาที่คุณมี อย่าใช้มันไปโดยไม่มีคนในครอบครัว เพราะถ้ามันผ่านไป ใครก็ย้อนมันกลับมาไม่ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น