วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แม่..ผู้หญิงที่คุณอาจเคยเกลียดเธอ(ตอนที่ 2)

แม่..ผู้หญิงที่คุณอาจเคยเกลียดเธอ (ตอนที่ 2)

และแล้วก็ถึงเช้าวันแม่(จนได้)  ในเช้าวันที่ 10 หรือวันที่ 11สิงหาคมของปีนั้น เด็กหญิงตื่นเช้าเหมือนเช้าในวันไปโรงเรียนทุกๆวัน เธอไม่กินเช้าในวันนี้ และเริ่มเดินออกจากบ้านไปโรงเรียน จากบ้านไปโรงเรียน ปกติเดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง แต่วันนั้นเด็กหญิงวัย 12 ขวบเลือกที่จะเดินนับกระเบื้อง(สมัยนั้นกระเบื้องปูทางเท้าออกจะตารางใหญ่เสียหน่อยไม่ได้เป็นอิฐตัวหนอน). เธอเดินก้าวข้ามช่องหนึ่งแล้วเหยียบในช่องถัดไป นับเป็นเลขคู่ไปเรื่อยๆ จนถึงโรงเรียน 

บรรยากาศในโรงเรียน เป็นบรรยากาศแปลกๆ(เพราะไม่ได้มางานวันแม่ตั้งแต่ ชั้น ป.2) ปีนี้เธอเป็นรุ่นพี่ชั้นสูงที่สุดในโรงเรียน และปีนี้เธอเองก็เป็นคณะกรรมการโรงเรียน เป็นนักพูดสุนทรพจน์ นักโต้วาที ผู้นำกล่าวสวดมนต์ นักดนตรีวงโยธวาทิต น่าจะปลื้มใจในความสามารถตัวเองไม่น้อย  แต่ใครจะรู้ มันเป็นแค่เกราะที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลบปมด้อย เธอเลือกที่จะเข้มแข็งและอดทน พยายามเป็นคนฉลาด เพื่อให้ใครที่ใกล้ชิด ญาติพี่น้อง หรือคนที่รู้จัก คนในครอบครัวเธอ พูดว่าเธอเก่งเหมือนพ่อ หรือคำว่าอะไรก็ตามที่จะบอกว่า แม้ไม่ได้อยู่กับแม่ แต่เธอก็เป็นเด็กดีได้ นี่ล่ะแรงผลักดันที่ทำให้เธอเลือกทำ และเลือกที่จะเป็น แม่.. ไม่มีความสำคัญ และคนเราไม่จำเป็นต้องมีแม่ก็ได้ เป็นสิ่งที่เด็กหญิงพูดกับตัวเองในวัยเด็กทุกครั้ง และแม่จะต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกทอดทิ้งลูกคนนี้

หลายๆครั้งในชีวิตในวัยเรียนชั้นประถม มีเพื่อนหลายคน ชอบล้อเลียนกันเรื่องพ่อแม่ เธอไม่ชอบเพื่อนพวกนี้ ถึงมันจะเป็นเรื่องปกติ ที่ทุกคนโดนล้อว่า พ่อไม่รักเธอหรอก แม่ไม่รักเธอหรอก มันเป็นแค่บรรยากาศสนุกในวัยเรียน แต่เธอไม่สนุก และเจ็บปวดลึกๆเข้าไปในหัวใจ เพราะแม่แหละที่ทำให้เธอต้องรู้สึกอย่างนี้ เพราะแม่ เพราะแม่คนเดียว ทุกครั้งถ้าเธอรู้สึกไม่ยุติธรรมจากครูที่ทำโทษแบบไม่มีเหตุผล หรือพี่ป้าน้าอาที่ชอบตำหนิเธอ เธอจะนิ่งทุกๆครั้ง ไม่นับตอนที่เค้าว่าพาดพิงไปถึงแม่ ว่า สงสัยจะนิสัยเหมือนแม่ ไม่เรียบร้อยเหมือนแม่ หรือว่าเธอว่าแย่เพราะแม่ไม่สั่งสอน เธอไม่ชอบคำพูดเหล่านี้ จนบางครั้งเธอโต้เถียง เธอไม่ได้เป็นเด็กก้าวร้าวอย่างที่ผู้ใหญ่ตำหนิ  เธออาจจะแย่จริงๆอย่างที่ใครจะว่า แต่เธอไม่อยากแย่เหมือนแม่ ทำไมต้องเหมือน..แม่ล่ะ?? เพราะแม่อีกแล้ว ก็เพราะแม่ไม่อยู่ เลยไม่มีใครสอนให้หนูเป็นเด็กดี เพราะแม่คนเดียวเลย..หนูไม่รักแม่ ที่สุดเลย..เด็กน้อยคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ที่โรงเรียน จัดงานวันแม่ที่สนามหน้าอาคารเรียน แม่หลายๆท่านติดช่อดอกมะลิที่หน้าอก หมายความว่า เค้าได้รับเชิญมาเพราะลูกเค้า ต้องดีเด่นด้านไหนสักอย่าง เรียนดี กีฬาเด่น มารยาทดี หรือไม่ก็ชนะที่ 1 ร้องเพลงวันแม่,แต่งคำขวัญวันแม่,อะไรก็ตามแต่ แต่คนที่ได้รางวัล ชนะเลิศการเขียนเรียงความอันดับหนึ่งของระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 แม่เค้าไม่มารับช่อดอกมะลิ และรางวัลแม่ดีเด่นในวันนี้ ความรู้สึก เด็กหญิง ในวันนี้ คัดค้าน ตั้งแต่เนื้อเพลง ที่เปิดซ้ำๆ หลายรอบนั้นแล้ว 

"แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง(ตรงไหน). แม่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล (ไม่เห็นจะจริงเลย) แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปล ไม่ห่างหันเห ไปจนไกล( นึกไม่เคยออกว่าแม่ร้องเพลงกล่อมและเคยไกวเปวจริงหรือเปล่า)" ....ตลอดทั้งเนื้อเพลง ไม่เห็นจะมีเนื้อหา ที่หมายถึงแม่เลยสักนิด...เพราะแม่..ที่ทำให้เพลงนี้ไม่มีคุณค่า..เด็กหญิงคิดจากมันสมองและความสามารถที่คิดได้แค่นั้น ในวัยเท่านั้น ...เธอตกลงใจจะเกลียดแม่.. ปู่กับย่าและอาๆที่บ้าน พูดเตือนซ้ำๆว่ามันจะบาปนะคนที่เกลียดแม่ เด็กหญิงตอบในใจ แม่...สิน่าจะบาป ทิ้งลูกไป ไม่เห็นจะมีใครไปว่าแม่บ้างเลย คนบ้านนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแม่ให้ฟังเลย แต่เด็กหญิงก็ไม่ได้อยากรู้หรอก เรื่องของแม่ ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจ และอีกอย่าง เธอไม่รักแม่..

ผลงานนักเรียน ถูกติดไว้ตามบอร์ดต่างๆ ภาพวาดที่ชนะการประกวดทั้ง 6 ระดับชั้น งานสีไม้ สีน้ำ สีน้ำมัน ละลานตา เรียงความที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศ ทุกระดับชั้น คำขวัญวันแม่ ต่างๆ ถูกติดไว้บนบอร์ด ให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เดินชม กิจกรรมบนเวทีดำเนินไป นักเรียนที่ชนะเลิศในการประกวดร้องเพลงวันแม่ ขึ้นไปร้องบนเวที คนสุดท้าย จบลง เรียกน้ำตาจากแม่และครู บางคนให้น้ำตาซึมๆ ต่อด้วยการอ่านเรียงความของนักเรียนชั้น ป.4 ป.5 ที่ขนะเลิศในการเขียนเรียงความเรื่อง"แม่ของฉัน" คนสุดท้ายกำลังจะอ่านเรียงความจบลงแล้ว เด็กหญิงรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งมันไม่น่าเกิดขึ้นกับนักพูดสุนทรพจน์อย่างเธอ ใช่แล้ว เพราะมันเป็นการอ่านเรียงความเรื่องของแม่ไงล่ะ เพราะแม่..เธอกล่าวโทษแม่อีกแล้ว..แทบจะทุกเรื่องไป..แม่ผิดเสมอ

เสียงครูประกาศ แนะนำ "รางวัลชนะเลิศการเขียนเรียงความ ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แก่ เด็กหญิง...........  เสียงปรบมือของ เพื่อนๆและรุ่นน้อง ตลอดจนผู้ปกครองที่มาร่วมงานดังขึ้น เด็กหญิงเดินขึ้นไปยืนอยู่กลางเวที ข้างหน้าเธอเป็น stand ที่ปรับไมโครโฟน เท่ากับระดับที่เหมาะสมแล้ว ทุกอย่างดำเนินไป

เรียงความเรื่อง แม่ของฉัน

บ้านของฉันเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวย อะไรมากนัก แต่เราก็เป็นครอบครัวที่มีความสุข ตั้งแต่ฉันจำความได้ สมัยที่ฉันยังไม่เข้าเรียนหนังสือ ฉันมักจะเห็นแม่ของฉัน ตื่นขึ้นมาก่อนใครๆในตอนเช้า แม่มักจะไปตลาด และซื้อกับข้าวมาทำให้พ่อและพี่ชาย รับประทานก่อนไปทำงานและก่อนไปโรงเรียน ทุกๆวัน ฉันเป็นคนโชคดี ที่ยังไม่ต้องไปโรงเรียน เลยได้อยู่กับแม่ที่บ้าน ตลอดทั้งวัน แม่เป็นครูคนแรก ที่หัดให้ฉัน นับเลข ท่องตัวอักษร ก.ไก่ ABC แม่อาบน้ำ สระผม แต่งตัวให้ฉันทุกๆวัน

ฉันยังจำได้ดี แม่เป็นคนจับมือฉันเขียนหนังสือ และแม่เล่านิทานให้ฉันฟังทุกๆคืน พี่ชายมักนอนอยู่ข้างๆพ่อ และฉันจะนอนอยู่ข้างๆแม่และห่มผ้าห่มผืนเดียวกับแม่ 

มีครั้งหนึ่งที่ฉันไม่สบาย เป็นไข้ตัวร้อน แม่ฉันอดหลับอดนอนทั้งคืน แม่เฝ้าเช็ดตัวให้ฉัน และต้มข้าวต้มและป้อนข้าวฉัน ดูแลเหมือนกับแม่เป็นหมอเป็นพยาบาล จนฉันหายดี คอยเอาหลังมือมาแตะหน้าผากแล้วบอกให้ลูกสาวของแม่หายเร็วๆ เวลาเป็นหวัดคัดจมูก ฉันหายใจไม่สะดวก แม่อุ้มฉันขึ้นมานอนบนตักของแม่ อ้อมกอดแม่อบอุ่นกว่าผ้าห่มผืนไหนๆ ฉัน.......

เด็กหญิงอ่านเรียงความไป น้ำตาไหลไป มีก้อนอะไรสักอย่างที่ทำให้มันรู้สึกตีบตัน แต่เธอยังอ่านต่อไปเรื่อยๆ ใจความตอนสุดท้าย เธอพรรณาถึงความรักที่มีต่อแม่อย่างสุดหัวใจ และเธอบูชาในพระคุณของแม่ เธอสำนึกถึงคุณค่าของน้ำนมของแม่ ท่อนจบของเรียงความเป็นกลอนบทหนึ่งซึ่งไพเราะจับใจ เธอมองไม่เห็นชัดนักผ่านม่านน้ำตา แต่เธอรู้ว่า คนหลายๆคนร้องไห้ไปพร้อมๆกับเธอ จากภาพของเด็กๆที่เอามือปาดป้ายน้ำตาบนใบหน้า และผู้ปกครองหลายๆ ที่นำกระดาษทิชชูมาซับน้ำตา เด็กหญิงกล่าวขอบคุณ และเดินลงจากเวที ไปเพื่อรับกระดาษแข็งใบหนึ่ง มันคือประกาศเกียรติบัตร ใบหนึ่ง 

ถ้าแม่อยู่ข้างๆ แม่จะดีใจมั๊ย เด็กหญิงคิดในใจ แม่ไม่เคยรู้อะไรเลย ว่าหนูเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กยังไง ตอนหน้าหนาวในวัยเด็กหนูหนาวแค่ไหน เวลาหนูไม่สบาย หนูนอนร้องไห้ และคิดถึงแม่ แต่แม่ใจร้าย แม่ทิ้งหนูไป หนูเลยต้องเกลียดแม่ แม่ทำให้หนูต้องร้องไห้ในวันแม่ทุกๆปี เพราะแม่ เพราะแม่คนเดียว เด็กผู้หญิงนั่งร้องไห้อยู่นานแสนนานในห้องเรียนของเธอ ที่โต๊ะนักเรียน ตัวที่เธอนั่ง ในมือมีปากกาน้ำเงิน เขียนตัวหนังสือย้ำๆเส้นเดิมๆทับไปมา บนคำว่า "กูเกลียดแม่"

**รออ่านตอนหน้า**

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น