วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กตัญญู

กตัญญู 
ความจริง คุณธรรม ที่ควรปลูกฝังในเด็ก แค่ความกตัญญูก็เพียงพอแล้ว เพราะความกตัญญู เป็นประตูสู่คุณธรรมข้ออื่นๆ ลองได้ตระหนักถึงบุญคุณของพ่อแม่แล้ว จะสำนึกดี ปฏิบัติดี เพราะคนที่รู้บุญคุณคน ย่อมเกรงกลัวที่จะกระทำในสิ่งผิด ด้วยไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเสียใจ นึกย้อนดูตัวเราเมื่อยามเด็ก เพื่อนจะชักชวนให้โดดเรียนยังไม่กล้า กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจ 

เวลาสอนเรื่องความกตัญญู ไม่ต้องดูอื่นไกล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานี้แหละ ต้นแบบแห่งความกตัญญูเลยทีเดียว ทรงเป็นที่ยกย่องเชิดชูกันทั่วทุกสารทิศทั้งในและต่างประเทศ สังเกตดูได้ คนไทยที่มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คนเหล่านี้จะมีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน  ทำแต่คุณงามความดี โดยพระองค์ไม่ได้ทรงต้องบอก ให้คนเหล่านั้นต้องเป็นคนเช่นไร อีกประการหนึ่งคือตัวเรา พ่อแม่เอง ก้อเป็นตัวอย่างที่ลูกพึงจะเอาเป็นแบบอย่าง หากตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ยากมากที่ลูกไม้จะไปหล่นไกลต้น






การแบ่งปัน


ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่โรงเรียน เด็กๆควรเรียนรู้ เรื่องการแบ่งปัน คุณพ่อคุณแม่ อย่าเป็นผู้ยุติธรรมเสียเอง จนเด็กไม่ได้ฝึกฝนการเป็นผู้ให้

บ้านที่มีลูกตั้งแต่สองคน จากที่เคยซื้อของเล่น ขนม ให้คนละชิ้น จริงๆแล้วการทระทำเช่นนี้ คือ เรามีความยุติธรรมสำหรับลูกๆ แต่ถ้าลองซื้อมาแค่ชิ้นเดียว เด็กจะเรียนรู้ เรื่องความยุติธรรม สร้างความยุติธรรมขึ้นมาเอง เช่น ปกติกินฮานามิ คนละถุง กินหมดก็จบกันไปต่างคนต่างกิน แต่พอเราลองซื้อมาแค่ ถุงเดียว แล้วให้โจทย์ว่าไปแบ่งกันกิน อย่างยุติธรรม ให้พี่เป็นคนจัดการ แรกๆ ก็หยิบคนละชิ้น แต่คนเคี้ยวเร็วจะหยิบได้หลายชิ้น ลูกคนได้กินน้อย จะรู้จักเรียกร้องความยุติธรรม (ซึ่งนั่นเป็นสิทธิที่เรียกร้องได้)
ครั้งต่อๆไป เค้าจะหาวิธี หรือเราอาจแนะ ว่าก็นับชิ้นแบ่งก็ได้ เค้าจะเริ่มรู้แล้วว่า การแบ่งเท่าๆกัน ยุติธรรมที่สุด

คราวนี้บางทีการแบ่งไม่ลงตัวเนื่องจากเหลือเศษ ทีนี้ล่ะ ลูกจะเรียนรู้แล้วว่า ใครล่ะควรที่จะเสียสละ นี่ต่างหาก การสอนเรื่องความยุติธรรม ไม่ใช่เราจัดให้เค้า แต่เค้าควรรู้จักความยุติธรรมด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ ไม่เอาเปรียบ และรักษาสิทธิตนเองเป็นเมื่อไม่ได้รับความยุติธรรม


การทำโทษเด็ก


ความผิดอะไรก็ตามที่เด็กทำ ถ้าผู้ใหญ่ ไม่ว่าครูก็ดี หรือผู้ปกครองก็ดี ต้องการที่จะทำโทษ ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ถึงความเหมาะสมและควรแก่เหตุหรือไม่ 

การทำโทษของผู้ใหญ่ ล้วนมีวัตุประสงค์เพื่อให้หลาบจำก็จริงอยู่ แต่ต้องเลือกวิธีการที่สมควรและถูกต้อง ไม่เป็นการละเมิดและให้อยู่ในกรอบของศีลธรรม

การประจานเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเรียกมายืนหน้าห้องก็ดี ตีต่อหน้าสาธารณะ ก็ดี ถึงแม้จะเป็นการทำเพื่อให้เด็กหลาบจำ แต่ผลทางอ้อม เด็กจะต้องรู้สึกถึงความอับอาย และอยู่ในสังคมโรงเรียนได้ยากตามมา เพราะ เค้าจะถูกสังคมลงโทษ ทั้งด้วยถ้อยคำ สายตา หนักเข้าเค้าจะรู้สึกถึงการเป็นคนที่ถูกรังเกียจ ซึ่งไม่เป็นผลดีเลย

นอกจากนี้ ครูและผู้ปกครอง ควรไตร่ตรองถึงผลเสียและผลลัพธ์ในการทำโทษเด็กที่เกินกว่าเหตุ เช่น การแก้ผ้าเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับความอับอาย เพียงเพื่อทำโทษเพราะเด็กไม่นั่งที่ ดิฉันในฐานะแม่คนหนึ่ง เห็นว่าการกระทำนี้ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และได้ให้คำปรึกษากับผู้ปกครองที่ร้องเรียนเข้ามายังเพจแล้ว 

หากการกระทำเหล่านี้กระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดิฉันก็ขอให้พิจารณายุติการใช้วิธีการในทำนองนี้ เพราะ อาจจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และเป็นการไม่เหมาะสม เพราะเด็กจะรู้สึกถึงความอับอาย 

อันนี้ฝากไว้นะคะ สงสารใจเด็ก เพราะมีผลกระทบต่อจิตใจ วิธีทำโทษมีร้อยแปดพันเก้า หาวิธีที่เหมาะสมอื่นๆเถอะค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น